การคลอดแบบผ่าคลอดและการคลอดแบบธรรมชาติการเตรียมตัวก่อนและหลัง

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการคลอดธรรมชาติ และการผ่าคลอด สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากจะตัดสินใจทำคลอดหรือคุณแม่ที่มีประสบการณ์ท้องแรกคลอดธรรมชาติมาแล้ว แต่อยากจะผ่าคลอดในคนที่สองกันบ้างดีกว่า ว่าการคลอดทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร ในเรื่องของการดูแลตัวเอง ทั้งก่อนและหลังการคลอด ไปดูกันเลย

การคลอดแบบผ่าคลอด

หากคุณแม่ท่านไหนที่ได้มีการตัดสินใจที่จะผ่าคลอดแล้ว แพทย์นั้นจะมีการพูดคุยในเรื่องของสุขภาพ ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น จากการใช้ยาสลบ หรือยาชาที่มีไว้เพื่อระงับความเจ็บปวดต่างๆ การตรวจสอบเม็ดเลือดและกรุ๊ปเลือด เพื่อที่จะได้มีการเตรียมเลือดสำรองไว้หลังผ่าตัด เพราะมีโอกาสที่จะเกิดการเสียเลือดมาก การผ่าคลอดนั้นจะฟื้นตัวหลังคลอดได้ช้ากว่าการคลอดธรรมชาติมาก จะต้องมีคนที่คอยช่วยคุณแม่ในการเลี้ยงดูลูกน้อย เพราะตัวของคุณแม่เองก็ต้องทำการพักฟื้น อีกทั้งยังอาจจะเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องตัวเท่าที่ควรเพราะแผลจากการผ่าตัดค่อนข้างใช้เวลากว่าจะหายดีเป็นปกติ หลังผ่าคลอดแล้วคุณแม่จะต้องได้รับการประเมินอาการพร้อมกับพักฟื้นที่โรงพยาบาลราวๆ 2 – 3 วัน ต้องมีการให้ยาแก้ปวดแผลผ่าตัดผ่านทางสายน้ำเกลือ และยังต้องมีการเฝ้าระวังอาการที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากที่ได้มีการผ่าตัด คุณแม่หลังจากที่สามารถกลับบ้านได้แล้วก็ต้องคอยสังเกตอาการว่ามีไข้ หรือไม่เพราะอาจจะเกิดการอักเสบหลังผ่าตัดได้ สังเกตแผลว่ามีอาการบวมแดง แสบหรือร้อนบริเวณแผลหรือไม่ เพื่อที่จะได้เฝ้าระวังการอักเสบและติดเชื้อแบบรุนแรง และต้องระวังอย่างมากในเรื่องของการลุกนั่งหรือนอน ต้องตะแคงตัวเท่านั้น เมื่อต้องการที่จะลุก และใช้มือในการช่วยค้ำพยุงร่างกายในการลุก เพื่อที่จะได้ป้องกันแผลผ่าตัดที่อาจจะยังไม่สนิทดีไม่ให้ปริหรือเปิดออก และป้องกันไม่ให้ตัวของคุณแม่เองมีอาการบาดเจ็บบริเวณแผลในขณะลุกนั่งหรือนอนอีกด้วย
** เด็กที่ได้มีการผ่าคลอดนั้น จะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยได้มากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ เสี่ยงในเรื่องของลำไส้อักเสบมากขึ้นถึง 20% เสี่ยงอาการหอบหืดถึง 23% และภูมิต้านทานจะอ่อนแอลงมากกว่า 46% เลยทีเดียว

การคลอดแบบธรรมชาติ

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่าการคลอดธรรมชาตินั้นสามารถจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไวมากหลังคลอด บางคนคลอดเพียง 2 ชม. ก็สามารถที่จะลุกเดินและรับประทานอาหารได้เลย สำหรับคนที่ไม่สามารถที่จะคลอดธรรมชาติได้นั้น ขึ้นอยู่กับสรีระ ของร่างกายหากคุณแม่ที่ตัวเล็กมากๆ แต่ลูกน้อยมีขนาดตัวที่ใหญ่และน้ำหนักตัวที่เยอะ คุณหมอก็อาจจะเลือกให้ทำการผ่าคลอด หรือในกรณีที่ปากมดลูกเปิดตัวช้า แต่ถุงน้ำคล้ำได้มีการแตกออกจากการบีบรัดของมดลูก ก็จำเป็นที่จะต้องทำการผ่าคลอดในทันที เพราะมีอาการเสี่ยงหลายอย่างหากเด็กนั้นไม่ได้อยู่ในถุงน้ำ บางคนนั้นอาจจะมีอาการปวดท้องเตือนรุนแรงกว่าปากมดลูกจะเปิดสุดจนสามารถที่จะทำการคลอดได้ ปวดตั้งแต่ 2 ชั่วโมง ขึ้นไป ในกรณีคุณแม่บางคนอาจจะปวดท้องคลอดเป็นวัน ซึ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนนั้นกลัวการคลอดธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วการคลอดธรรมชาติ คุณหมอจะมีการตัดเย็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้แผลเล็กหายไว พร้อมมีการกกไฟที่โรงพยาบาล ทำให้แผลหายไวยิ่งขึ้น แต่อาจจะมีในกรณีของคุณแม่บางท่านที่แผลอักเสบ หากไม่ทานยาหรือดูแลแผลให้ดีอันนี้ก็ต้องระวังแต่โดยรวมคุณแม่สามารถที่จะเดินเองได้อย่างไม่ติดขัด และอาจจะมีน้ำคาวปลานานกว่า คุณแม่ที่ทำการผ่าคลอด แต่สามารถที่จะเดินและฟื้นตัวรวมไปถึงขยับร่างกายได้ดีกว่าคุณแม่ที่ทำการผ่าคลอด คุณแม่จะมีความภาคภูมิใจและใช้สัญชาตญาณในการคลอดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เข้าใจถึงกระบวนการธรรมชาติของร่างกายเมื่อต้องการที่จะเบ่ง ขยับตัวเคลื่อนไหวและคลอดได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น มีการรอสัญญาณคลอดเองตามธรรมชาติ ในช่วงที่ทำการคลอดลูกนั้นผนังมดลูกจะมีการรีดน้ำคล้ำออกมาเองตามธรรมชาติ ทำให้ทารกจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการหายใจ ลูกน้อยจะได้รับแบคทีเรียโพรไบโอติกจากบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้มีภูมิคุ้มกัน และจะมีการลดปัญหาท้องอืดของลูกลงได้